บ้านกลางบึง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 9 ปี สมัยที่คุณบอยยังทำงานเป็นพนักงานกำจัดปลวกของบริษัทหนึ่งอยู่
วันเป็นบ่ายที่เงียบเหงา และไม่มีงานเข้ามาเลย คุณบอยกับเพื่อนนั่งดูเอกสารกันอยุ่ในออฟฟิส
ก็มีสายแปลก ๆ โทรเข้ามา เรียกว่าเป็นโทรศัพท์ลึกลับ เพราะไม่ขึ้นหมายเลขปลายสาย
ก็สงสัยกันว่าทำไมหมายเลขไม่ขึ้น ก็แปลกใจกันว่าเป็นเบอร์พิเศษหรือเบอร์อะไร
แต่ก็ตัดสินใจให้เพื่อนรับสายไปก่อน เผื่อว่าจะมีเรื่องสำคัญ
คุณบอยก็สังเกตว่าเพื่อนเพื่อนฟังไปก็อึ้งไป เลยถามมีอะไรเหรอ
เพื่อนก็ส่ายหัวแล้วเปิดสปี๊คเกอร์ให้ฟังด้วยกัน
ก็ได้ยินเสียงลมวู่ว ๆ พัดกระโชกโกรก ๆ ออกมา เหมือนปลายสายยืนคุยโทรศัพท์หน้าพัดลม
ไม่มีเสียงคนพูด มีแค่เสียงลมเท่านั้น เพื่อนคุณบอยพยายามฮัลโหล ๆ ก็ไม่มีเสียงตอบมา
ก่อนที่สายจะตัดไปในที่สุด
เลยคิดกันว่าน่าจะมีคนโทรมาแกล้งละมั้ง
แต่ผ่านไปไม่ถึงห้านาที โทรศัพท์สายนั้นก็โทรกลับมาอีกรอบ
เบอร์ก็ไม่โชว์เหมือนเดิม ก็มีเสียงลมเหมือนเดิม
และเพื่อนคุณบอยก็พยายามฮัลโหล ๆ เรื่อย ๆ
จนกระทั่งปลายสายมีเสียงพูดขึ้น
เป็นเสียงของผู้ชายแก่ ๆ คนหนึ่งถามขึ้นมาว่า
"รับกำจัดปลวกใช่มั้ย อยากให้ช่วยมาดูแลบ้านให้หน่อย"
เพื่อนพอเห็นว่าเป็นลูกค้าปกติแล้ว จึงปิดสปี๊กเกอร์กลับไปยกหูคุยต่อ
แล้วก็รายละเอียด จดที่อยู่ ทางไปสถานที่
พร้อมตกลงกับปลายสายว่า
ช่วงนี้งานที่ออฟฟิสเราว่างพอดี เดี๋ยวจะขอไปเช็คสถานที่เพื่อดูแนวทางการทำงาน
ว่าต้องทำยังไงบ้าง
กระทั่งคุยกันจบธุระเพื่อนคุณบอยก็วางหูไป
แล้วมาสรุปให้คุณบอยฟังว่า
มีลูกค้าเป็นคุณลุงท่านนึง อยู่ที่สระบุรี
บ้านเค้าเป็นบ้านไม้ สงสัยว่าจะมีปลวกกิน เลยอยากให้ไปดูบ้านให้หน่อย
คุณบอยก็โอเครับงาน และออกเดินทางกันในวันนั้นเลย
ตอนนั้นช่วงประมาณบ่ายสอง - บ่ายสาม
ทั้งคู่ขับรถกันไปตามเส้นทาง ระหว่างทางคุณบอยหลับไปตลอด ไม่ได้รู้เส้นทาง
จนมารู้สึกตัวอีกที ก็ตรงปากทางเข้า จ.สระบุรี
แต่ตอนนั้นเพื่อนเหมือนลงไปถามทาง
เมื่อคุณบอยตามลงมา เพื่อนก็บอกว่า
หาที่อยู่ที่คุณลุงลูกค้าให้มาไม่เจอ ทางมันบอกไปทางนี้ ว่ามีป้ายบอกบ้านเลขที่ 28 อะไรซักอย่าง
แต่มันไม่มีป้ายนี้บนถนน มีแค่ทุ่งหญ้าสองข้างทางยาวไปตลอดเส้นเลย
จึงตัดสินใจขึ้นรถตระเวณหากันยาว ๆ ไป เพื่อตามหาบ้านคนที่พอจะถามทาง
ว่ามีซอยนี้ หรือบ้านเลขที่นี้อยู่จริงหรือเปล่า
ทั้งคู่ก็ขับหากันอยู่นานจนตกเย็น กระทั่งขับไปเจอร้านของชำเล็ก ๆ ร้านนึง
ลักษณะเป็นเพิงขายขายข้างทาง มีพวกของใช้ทั่วไป พวกขนมของกินกระจุกกระจิก ผงซักฟอก ยาสระผม
และมีคุณยายแก่ ๆ คนนึงเฝ้าร้านอยู่ คุณบอยกับเพื่อนเลยลงไปถามถึงที่อยู่ที่ว่า
คุณยายเจ้าของร้านดูอึ้งไปแว้บ หนึ่งก่อนจะชี้และบอกว่า
"เนี่ยไอ้หนุ่ม เห็นต้นไม้ต้นนั้นไม้มั้ย"
คุณบอยมองตามเห็นเป็นต้นไม้ไม่สูงมาก แต่เด่นท่ามกลางทุ่งหญ้าของข้างทาง
เพราะมีแค่ต้นไม้ต้นนั้นต้นเดียว
นอกจากนั้นคุณยายยังบอกต่ออีกว่า
"ทางเข้าอยู่ตรงนั้นแหละ แต่นี่ก็จะค่ำแล้วนะ ไปหาที่พักในเมืองก่อนมั้ยค่อยเข้าไปกันตอนกลางวัน"
แต่คุณบอยบอกว่า ไม่เป็นไร คิดว่าแค่มาดูสถานที่เฉย ๆ แล้วค่อยหาที่พัก รุ่งเช้าค่อยมาเริ่มงานอีกที
แล้วขอบคุณ บอกลาคุณยาย ก่อนขับรถออกมา เพื่อตรงไปยังซอยที่บอก
ลักษณะเป็นซอยเล็ก ๆ พอดีคันรถ
แต่มันลึกมาก ๆ จากถนนใหญ่เข้ามาใช้เวลาขับร่วม 20 นาที ก็ยังไม่เจอบ้านคน
สองข้างทางมีแต่ต้นหญ้าขึ้นสูงตลอดทาง
คุณบอยก็เริ่มถอดใจว่าจะมันมีบ้านคนจริง ๆ เหรอ พี่อยู่มันผิดหรือเปล่า
เพื่อนก็ว่า ไม่ผิดหรอกทางนี้แหละ ยายเค้าก็ชี้มานี่ ว่าทางนี้
กระทั่งเพื่อนขับรถไปเรื่อย ๆ จนถึงทางที่ไปต่อไม่ได้ เพราะไม่มีถนนแล้ว
จึงจอดรถลงไปดูว่าจะทำยังไงต่อ พลางมองสำรวจว่ามาถูกทางแล้วหรือเปล่า
เวลาช่วงนั้นประมาณ 5 โมงเย็น ซึ่งฟ้าก็ครึ้มจะมืดแล้ว
แล้วเพื่อนคุณบอยบังเอิญไปเจอทางเดินเท้าเล็ก ๆ เส้นหนึ่งซึ่งหญ้าขึ้นบังจนมิด
จึงมั่นใจว่านี่แหละทางเข้าบ้าน แต่ไม่น่าจะมีคนสัญจรประจำ เพราะเหมือนไม่ได้ใช้งานมานานแล้ว
แต่คุณบอยกับเพื่อนตอนนั้นไม่ได้เอะใจอะไร จึงพากันถือเอกสารพากันแหวกหญ้าเข้าไปบนทางเดิน
ซึ่งขนาดกว้างประมาณเมตรนึง และปกคลุมไปด้วยต้นหญ้าขึ้นสูง
ทั้งคู่เดินไปเรื่อย ๆ เรียงแถวเป็นเส้นตรงไป จนเดินทะลุไปเห็นพื้นที่ราบกว้าง ๆ
และมีบ้านคนอยู่ข้างในนั้นจริง ๆ ลักษณะของบ้านเป็นบ้านไม้
ตัวบ้านหันข้างให้คุณบอยกับเพื่อน ประตูทางเข้าอยู่อีกด้าน ไม่สามารถมองเห็นได้
จึงเดินอ้อมเพื่อจะเข้าไปในบ้าน ซึ่งเป็นบ้านไม้หลังใหญ่พอสมควร
มีโต๊ะนั่งกินข้าวตั้งวางติดกับกำแพงไม้นอกตัวบ้าน และมีชิงช้าด้วย
คุณบอยบอกว่า นี่น่าจะเป็นบ้านของคุณลุงคนที่ติดต่อมาทำงาน
จึงพาเพื่อนเข้าไปเคาะประตู เคาะได้พักนึง ประตูกเปิดออกเอง
อาจเพราะไม่ได้ล็อกมันเลยเปิดออก
เมื่อพากันเดินเข้าไปก็พบว่าสภาพข้าวของเครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างอยู่ในสภาพเก่า
เหมือนไม่ได้ใช้งานมานาน มีสัตว์สารพัดอาศัยอยู่ในตัวบ้าน
ตุ๊กแกนี่มีร่วมห้าหกตัว แถมมีงูเลื้อยอยู่เต็มไปหมด เงยหน้ามองเพดานฝ้าก็ไม่มีเป็นหลังคาโปร่ง ๆ
ซ้ำมีนกเกาะอยู่เต็มไปหมด เห็นชัด ๆ ว่าเป็นบ้านร้างไม่น่ามีคนอยู่ได้ ไฟฟ้ามีหลอดมีสายไฟแต่ก็เปิดไม่ติด
บรรยากาศเริ่มมืดแล้ว มองเห็นไม่ชัดเพื่อนจึงใช้ไฟฉายสาดเข้าไปข้างใน
ก็เห็นเตียงนอนเก่า ๆ ผ้าปูขาด ๆ ตู้ เตียง โต๊ะ เก้าอี้ ก็เก่าคร่ำคร่าไปหมด
ทั้งคู่พยายามเดินตามหาคุณลุงเจ้าของบ้านอยู่นาน ก็ไม่เจอ ไม่เหมือนสถานที่ที่มีคนอยู่
กระทั่งหาไปได้สักพัก อยู่ ๆ เพื่อนคุณบอยก็ตัวแข็งทื่อ
แล้วสาดไฟฉายไปที่เพดาน (น่าจะเป็นกำแพงด้านบน)
คุณบอยก็ตกใจหันไปมองตามไฟ ปรากฏมีรูปภาพของชายแก่มาก ๆ คนนึงแขวนอยู่บนนั้น
ด้านล่างของรูปนั้นก็มีโต๊ะ พร้อมจานใส่ผลไม้เน่า ๆ วางอยู่ ลักษณะเหมือนของเซ่นไหว้
ทั้งคู่เห็นท่าไม่ดีไม่ชอบมาพากลแล้ว จึงตัดสินใจหันหลังกลับ
รีบเดินออกมาจากตัวบ้านแล้วปิดประตูคืนให้เหมือนเดิม
ตั้งใจจะกลับไปทางเดินเดิมที่พงหญ้าข้างตัวบ้าน
แต่พอเดินไปถึงกลับพบว่าทางที่พวกเขาเพิ่งออกมานั้นหายไปแล้ว
เหมือนมีต้นไม้มาคลุมพร้อม รวมทั้งบรรยากาศที่มืดลงแสงสว่างมีน้อย
จึงมองไม่เห็นทางอีก เลยพยายามฉายไฟเพื่อหาทางออกให้ได้
ระหว่างนั้นเอง เป็นจังหวะที่นกเริ่มบินออกจากใต้หลังคาบ้าน
ส่งเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจ คุณบอยเลยหันไปมองตามเสียง
และเห็นว่าประตูบ้านค่อย ๆ แง้มเปิดออก พร้อมมีลุงแก่ ๆ คนหนึ่ง
เดินออกมาจากประตูบ้าน แต่ไม่ได้เดินมาหาคุณบอยกับเพื่อน กลับเดินไปทางอื่น
คุณบอยตกใจกลัว ไม่ได้สนใจจะเข้าไปถามอะไรแล้ว
พยายามหาทางออก กระทั่งไปเจอทางเบี่ยงเป็นอีกทางเล็ก ๆ
ที่ถ้าไม่สังเกตดี ๆ ในความมืด จะไม่มีทางเจอเลย
ก็รีบเดินพุ่งเป็นเส้นตรงเรียงแถวออกไปจากตรงนั้น เพื่อไปยังทางเข้าที่เข้ามาตอนแรกและกลับไปที่รถ
แต่ในจังหวะที่วิ่งมานั้น ทั้งคู่รู้สึกได้ว่ามีคนวิ่งตามมา
และเพื่อนของคุณบอยก็หันไปมองข้างหลัง พร้อมร้องโวยวายว่า
"บอย!! อย่าหันไปมองนะ!! อย่าหันไป!!"
คุณบอยจึงก้มหน้าก้มตาวิ่งกันอุดตลุดออกมาจากพงหญ้านั้นได้
จนหนีมาถึงรถ
ทว่า พอเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ
กลับพบว่ากุญแจหายไปแล้ว
คุณบอยกับเพื่อนตกใจว่ากุญแจหายไปไหน
แล้วไม่มีกุญแจทำไมเปิดรถได้ เราไม่ได้ล็อกรถเหรอ
ก็ไม่มีใครรู้ ว่าหายไปตอนไหน
เลยเดาว่ากุญแจน่าจะตกระหว่างทาง
อาจจะในบ้านหรือพงหญ้าตามทางที่ออกมา
ซึ่งไม่มีใครกล้ากลับไปหาแล้วตอนนี้
เมื่อทำอะไรไม่ได้เลยตัดสินใจรออยู่ในรถ
แต่ระหว่างที่อยุ่ในรถนั้น ก็รู้สึกอึดอัด กดดันแปลก ๆ
เหมือนมีคนมาเดินในพงหญ้าอยู่รอบ ๆ รถ
คุณบอยบอกว่าเห็นเหมือนหัวคนโผล่ ๆ วอบ ๆ แวบ ๆ
พ้นแนวหญ้าขึ้นมา
ซึ่งแน่ใจว่าเป็นลุงคนนั้น
คนที่เห็นว่าเดินออกมาจากบ้าน
มาเดินอยู่ในพงหญ้ารอบ ๆ รถ
เมื่อทนไม่ไหว ทั้งคู่จึงตัดสินใจเปิดประตูรถแล้ววิ่งออกมาจากซอยนั้น จนไปถึงถนนใหญ่
แล้ววิ่งตรงไปที่ร้านขายของชำของคุณยายเพื่อขอความช่วยเหลือ
เพราะแกเป็นคนพื้นที่ อย่างน้อย ๆ ก็ให้ที่พำนักได้
แต่ก็ต้องช็อคอีกรอบเมื่อพบว่า
เพิงนั้นกลายเป็นเพิงร้าง ๆ ที่เหมือนถูกทิ้งร้างมานาน
แตกต่างจากสภาพที่เห็นตอนแรกมาก หลังคาก็พังไปครึ่งนึง
กำแพงและข้าวของที่วางขายต่าง ๆ หายไปหมด รวมถึงตัวคุณยายด้วย
ทั้งคู่ยืนช็อกอึ้งอยู่ตรงนั้นพักใหญ่
จนได้ยินเสียงบีบแตรดังมาไกล ๆ
พอได้สติก็เห็นว่าเป็นรถสองแถวคันนึง
จึงรีบวิ่งเข้าไปหา ขอความช่วยเหลือ
ร้องขอให้เขาเข้าไปส่งไปในเมือง
โดยคนขับก็บอกว่า "เออๆ รีบ ๆ ขึ้นมาเลยเร็ว ๆ"
ก่อนจะขับพาออกมาจากตรงนั้น
ด้วยท่าทีตื่นตระหนกไม่แพ้กัน
รถสองแถวพาทั้งคู่ออกมาส่งหน้าเซเว่นในตัวเมือง
พร้อมกับถามว่า ไปทำอะไรกันตรงนั้น
คุณบอยบอกเล่าไม่ถูก พี่สองแถวก็บอก
เขาเข้าใจ แถวนั้นไม่มีใครเข้าไปหรอก
คนเค้าเจอกันทุกรายเลย
คุณบอยไม่รู้จะทำยังไงต่อเพราะเหมือนเสียสติไปแล้ว
พี่สองแถวจึงบอกว่า น้องไปหาที่พักกันก่อนนะ แล้วพี่จะให้เบอร์โทรไว้
รุ่งเช้าค่อยว่ากันอีกทีมีอะไรจะให้ไปส่งไหนก็โทรมาแล้วกัน
แต่คืนนั้นคุณบอยนอนไม่หลับ
กังวลไปสารพัดกับสิ่งที่เจอว่าคืออะไรกันแน่ ถ้าเป็นผี ก็แล้วไป
แต่ถ้าไม่ใช่ เป็นแก๊งมิจฉาชีพที่มาหลอกเค้าเป็นกระบวนการ
ก็พะวงถึงรถที่ไม่ได้ล็อกและเอกสารของสำคัญต่าง ๆ ในรถ
คุณบอยกับเพื่อนรอจนรุ่งเช้าก็โทรหาพี่สองแถวคนเดิม
ให้ช่วยไปส่งที่เดิมหน่อย ระหว่างที่ออกมาจากโรงแรม
เพื่อนคุณบอยเหมือนนึกขึ้นได้ จึงขอให้สองแถวช่วยแวะตลาด
เพื่อซื้อพวงมาลัยธูปเทียนผลไม้มา แล้วบอกสองแถวช่วยไปจอดที่เพิงนั้นหน่อย
สองแถวก็บอกไปจอดอะไรตรงนั้น จอดไกล ๆ ก็ได้
เพื่อนก็รบเร้าขอให้จอดตรงนั้นเถอะ ผมขอล่ะ
พี่สองแถวเลยถามว่า "อย่าบอกนะว่าน้องเจอยายมาแล้ว"
เพื่อนบอก ใช่ พี่รู้ได้ไง สองแถวไม่ตอบ บอกว่าจะทำอะไรทำไปเลย เสร็จจบหมดทุกอย่างเดี๋ยวพี่เล่าทีเดียว
ก็ลงไปจัดแจงจุดธูปไหว้ของตรงเพิงนั้น พร้อมคิดในใจว่า
ไม่ว่ายายจะเป็นอะไรเป็นใคร ผมขอขอบคุณที่ช่วยเหลือพวกผมเมื่อวาน แล้วก็ปักธูปเป็นเชิงไหว้เจ้าที่เจ้าทาง
คนขับรถก็พาขับเข้าไปในซอยนั้นไปถึงที่รถของคุณบอยจอดอยู่ที่เดิม ประตูก็เปิดค้าง
คุณบอยเลยวิ่งเข้าไปเช็คข้าวของ ปรากฏว่าของทุกอย่างอยู่ครบ ไม่มีอะไรหายไปเลย
จึงโล่งใจ สองแถวก็บอกแหงล่ะ แถวนี้มีใครกล้าเข้ามาที่ไหนล่ะ
คุณบอยกับเพื่อนจึงขอร้องให้พี่สองแถวช่วยไปตามหากุญแจด้วยกันหน่อยเผื่อว่าจะตกตามทางหรือในบ้าน
เค้าก็ตกใจว่า โห นี่พวกน้องใจกล้าขนาดเข้าไปในตัวบ้านเลยเหรอ จะเข้าไปจริง ๆ เหรอ คุณบอยก็ยืนยันจะเข้าไป
พี่เค้าก็ใจดี บอกจะเข้าไปเป็นเพื่อน
แต่กำชับว่า มองทางดี ๆ เดินตรงไปทางนี้ แล้วเดินให้ตรงอย่างเดียว อย่าเดินเฉออกจากทาง แล้วก้มมองพื้นดี ๆ เผื่อว่าเจอตกอยู่จะได้ไม่ต้องไปถึงตัวบ้าน เจอแล้วจะได้ออกมาเลย
แต่จนแล้วจนรอดเดินสุดทางจนถึงตัวบ้าน
ก็ไม่เจอกุญแจนั้น สุดท้ายก็เลยต้องแหวกหญ้าเข้าไปในตัวบ้านเพื่อหากุญแจรถ ก็พากันเดินเข้าไปสามคนด้วยความหวาดหวั่น บ้านในตอนนี้ยิ่งดูเก่ากว่าวันแรกที่เข้ามา ก็เข้าไปพยายามหากุญแจ เปิดประตูเข้าไป
ปรากฏสัตว์ต่าง ๆ ที่เจอเมื่อวานหายไปหมดเลย
สุดท้าคุณบอยกับเพื่อนก็พบว่า กุญแจรถวางอยู่บนโต๊ะใต้รูปที่วางผลไม้นั้น ทุกคนก็แปลกใจว่ามาอยู่ตรงนี้ได้ไง
พอพี่สองแถวเข้าไปเงยหน้าเจอรูปคุณลุงเจ้าของบ้าน
ก็รีบยกมือไหว้ขอโทษขอโพย บอกว่าไม่ได้ตั้งใจเข้ามา
อย่ามาหาผมเลยนะ แล้วก็หนีออกไปรอนอกบ้านด้วยความกลัว
เพื่อนก็ถามบอยหยิบมาวางหรือเปล่า
คุณบอยก็บอก บ้า ใครจะล้วงกุญแจมาวางบนโต๊ะ ก็สำรวจดูไปดูมา พบวันเกิดวันมรณะบนรูปลุง และพบว่าเป็นลุงคนเดียวกันที่เดินออกจากประตู และเดินวนรอบรถในพงหญ้า
ก่อนจะคิดได้ว่า ที่คุณลุงอุตส่าห์โทรหาเราติดต่อเรามาแล้วมาให้เห็นขนาดนี้ พยายามตามติดขนาดนี้
แปลว่าอาจจะมีห่วง หรือต้องการให้เราช่วยเหลืออะไร
ยังไงเดินดูบ้านให้แกหน่อยมั้ย ก็ตัดสินใจเดินสำรวจรอบ ๆ บริเวณบ้าน ก็พบว่าที่มุมเสาด้านหนึ่ง มีปลวกขึ้นจริง ๆ
กำลังก่อดินขึ้นมาใหม่ ๆ เลย
# Credit
-เรื่องเล่าจาก คุณบอย(ฉีดปลวก) The Ghost
-Story by The Ghost Radio
- คลิปยูทูป จาก SHOCK PLUS CHANNEL
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น